ทองคำ (Gold) ไม่ได้เป็นแค่เครื่องประดับหรือของสะสม แต่มันยังเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” ที่นักลงทุนทั่วโลกใช้หลบความผันผวนของตลาด และแน่นอน มันมีผลต่อฟอเร็กซ์โดยตรง ถ้าคุณกำลังเทรดฟอเร็กซ์แล้วไม่เข้าใจการเคลื่อนไหวของทองคำ ก็เหมือนลงสนามรบโดยไม่มีโล่เลยล่ะ
ความสัมพันธ์ระหว่างทองคำกับค่าเงิน
ทองคำและค่าเงินมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในการซื้อขายทองคำในตลาดโลก เมื่อใดที่ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ทองคำมักจะมีราคาลดลง ในทางกลับกัน เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองมักจะเพิ่มขึ้น นี่คือการเชื่อมโยงที่สำคัญที่ทำให้นักลงทุนต้องจับตามองทั้งสองสิ่งนี้เพื่อวิเคราะห์ทิศทางการลงทุนของตนเอง
เหตุผลที่ทองคำมีความสัมพันธ์กับดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเพราะทองคำมีการซื้อขายในรูปแบบของสกุลเงินดอลลาร์ ดังนั้นเมื่อค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทองคำจะมีมูลค่าที่สูงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ซึ่งทำให้ความต้องการทองคำลดลง ในทางตรงข้าม เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง ทองคำจะมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่นๆ ทำให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น
การเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่เพียงแค่มีผลต่อทองคำเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อสินทรัพย์อื่นๆ ในตลาดการเงินอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหลายคนเลือกใช้ในการปกป้องมูลค่าของเงินทุนเมื่อเกิดความไม่แน่นอนในตลาด ซึ่งทำให้ทองคำเป็นที่ต้องการมากขึ้นเมื่อดอลลาร์อ่อนค่า
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ก็มีผลต่อการเคลื่อนไหวของทั้งทองคำและดอลลาร์ ถ้าอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ดอลลาร์จะมีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุน ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและทองคำราคาตก ในทางตรงกันข้าม หากอัตราดอกเบี้ยลดลง ทองคำอาจกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการลงทุนในสกุลเงินอื่น ๆ
ดัชนีเงินเฟ้อ: ตัวขับเคลื่อนราคาทองคำ
- เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น ค่าเงินจะมีมูลค่าลดลง ซึ่งทำให้ผู้คนเริ่มมองหาสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง เช่น ทองคำ เพื่อรักษามูลค่าเงินของตัวเอง
- ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีการพิมพ์เพิ่มเหมือนกับเงินในระบบธนาคาร ทำให้มันเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าเสมอในช่วงที่เงินเฟ้อสูง
- เมื่อเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ราคาสินค้าและบริการต่างๆ สูงขึ้น ทำให้ผู้คนหันไปซื้อทองคำเพื่อป้องกันการลดลงของมูลค่าของเงินสด
- ทองคำยังเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เพราะมันไม่ถูกกระทบจากการพิมพ์เงินหรือการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ย
- เมื่อรัฐบาลพิมพ์เงินมากเกินไปเพื่อลดผลกระทบจากเงินเฟ้อ ค่าของเงินจะลดลง แต่ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าคงที่
- นักลงทุนหลายคนมักใช้ทองคำเป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากทองคำมีความเสี่ยงต่ำและสามารถรักษามูลค่าของพวกเขาได้ในระยะยาว
- ทองคำไม่เพียงแค่เป็นสินทรัพย์ที่ใช้ในช่วงเงินเฟ้อ แต่ยังใช้เป็นเครื่องมือในการปกป้องมูลค่าของเงินในช่วงที่เงินทุนต้องการหลีกเลี่ยงการลดลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง
- ความสัมพันธ์ระหว่างเงินเฟ้อและทองคำสามารถมองได้ว่าเป็นการแสดงถึงความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นเมื่อผู้คนต้องการหาที่ปลอดภัยจากเงินเฟ้อ
- ทองคำถือเป็นเครื่องมือที่สามารถเก็บรักษามูลค่าได้ในระยะยาว ไม่เหมือนกับเงินที่ถูกอัตราเงินเฟ้อทำให้ลดค่าลงเรื่อยๆ
- การเพิ่มขึ้นของราคาทองคำในช่วงเงินเฟ้อมักเป็นผลจากการที่นักลงทุนหันไปหาทองคำเพื่อปกป้องเงินลงทุนของตัวเองจากภาวะที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน
- เมื่อราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นในช่วงเงินเฟ้อ นักลงทุนมักจะใช้ทองคำเป็นแหล่งสำรองมูลค่า เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียจากการถือเงินสดที่มีมูลค่าลดลง
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ: เวลาทองเฉิดฉาย
เหตุการณ์ระดับโลก | ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ | การตอบสนองของนักลงทุน | ราคาทองคำ | สาเหตุที่ทองคำพุ่งสูง |
วิกฤตการเงิน | ความล้มเหลวของธนาคาร, การขาดความมั่นคงทางการเงิน | นักลงทุนจะหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ | ราคาทองคำเพิ่มขึ้น | ความไม่มั่นคงของตลาดการเงินทำให้ทองคำเป็นที่นิยม |
สงคราม | ความเสี่ยงทางการเมืองสูงขึ้น, ตลาดหุ้นตก | นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เลือกทองคำ | ราคาทองคำพุ่งสูง | ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคงในช่วงวิกฤติทางการเมือง |
โรคระบาด | ภาวะเศรษฐกิจถดถอย, ผลกระทบจากการล็อกดาวน์ | นักลงทุนหันมามองทองคำแทนการถือเงินสดหรือสินทรัพย์เสี่ยง | ราคาทองคำปรับตัวขึ้น | ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตทำให้ทองคำเป็นที่ปลอดภัย |
ความไม่มั่นคงทางการเมือง | การเลือกตั้งที่มีความขัดแย้ง, ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการเงิน | นักลงทุนไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ หันไปถือทองคำแทนเงินสด | ราคาทองคำสูงขึ้น | ทองคำถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมือง |
ภาวะเงินเฟ้อสูง | ค่าครองชีพสูงขึ้น, มูลค่าเงินลดลง | นักลงทุนมองหาทองคำเพื่อรักษามูลค่าเงินของตน | ราคาทองคำพุ่งขึ้น | ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าได้ในช่วงเงินเฟ้อ |
แนวโน้มราคาทองคำในระยะสั้น vs ระยะยาว
ราคาทองคำในระยะสั้นมักได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นทันที เช่น ข่าวด่วนที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือเหตุการณ์ระดับโลก โดยเฉพาะข่าวที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตการณ์หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหรือความไม่มั่นคงในตลาดการเงิน ซึ่งสามารถทำให้ราคาทองคำเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและมีความผันผวนสูงในระยะสั้น การตอบสนองของนักลงทุนในช่วงนี้มักเป็นไปอย่างทันทีทันใดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ในขณะที่การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะยาวมักได้รับอิทธิพลจากปัจจัยพื้นฐานที่มีผลต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินอย่างต่อเนื่อง เช่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย การเงินเฟ้อ หรือความมั่นคงของเศรษฐกิจโลก ที่จะสะสมผลกระทบในระยะยาว และกำหนดทิศทางราคาทองคำโดยรวม ในระยะยาวการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนในการจัดการพอร์ตการลงทุนและการเลือกทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอน
การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แต่จะมีอิทธิพลที่ชัดเจนมากในระยะสั้น ในช่วงที่ธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาทองคำมักจะตกลงเนื่องจากความน่าสนใจของการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่ในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งจะสะท้อนผลต่อราคาทองคำในระยะยาว
เช่นเดียวกันกับเงินเฟ้อที่มีผลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในระยะสั้น เงินเฟ้ออาจมีผลเพียงเล็กน้อยต่อราคาทองคำ แต่ในระยะยาว เงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อมูลค่าของเงินและทำให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในการรักษามูลค่าเมื่อเงินเฟ้อสูง โดยทองคำจะสามารถรักษามูลค่าได้ดีกว่าเงินสดในระยะยาว ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาวเมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้นและค่าของเงินลดลง
การวิเคราะห์ราคาทองด้วยกราฟทางเทคนิค
- แนวรับ-แนวต้าน: จุดที่ราคามักหยุดหรือกลับตัว เป็นระดับราคาที่ตลาดมักมีการซื้อหรือขายที่หนาแน่น ถ้าแนวรับถูกทดสอบและไม่หลุดออกไป ราคาทองมักจะดีดตัวกลับขึ้นมา ในขณะที่แนวต้านจะเป็นระดับที่ราคามักจะไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้หากไม่มีกำลังซื้อที่เพียงพอ
- เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average): ช่วยให้เห็นทิศทางของราคาในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อเราดู Moving Average ที่มีระยะเวลานาน เช่น 50 วัน หรือ 200 วัน ถ้าราคาทองคำอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยนั้น หมายความว่าแนวโน้มของราคาทองคำเป็นขาขึ้น แต่ถ้าราคาหลุดลงต่ำกว่ามัน ก็อาจบ่งชี้ถึงการเริ่มต้นของขาลง
- RSI (Relative Strength Index): เครื่องมือที่ใช้วัดความแรงของการเคลื่อนไหวของราคา โดยจะบอกว่า ทองคำอยู่ในภาวะ overbought (ซื้อเกิน) หรือ oversold (ขายเกิน) ถ้า RSI สูงเกิน 70 หมายความว่าราคาทองคำอาจถูกซื้อจนเกินไปและอาจมีการปรับตัวลง ในขณะที่ถ้า RSI ต่ำกว่า 30 แสดงว่าราคาทองคำอาจถูกขายจนเกินไป และอาจจะมีโอกาสดีดตัวขึ้น
- MACD (Moving Average Convergence Divergence): เครื่องมือที่ช่วยให้เรารู้ทิศทางของแนวโน้มและแรงเหวี่ยงของตลาด โดยดูจากการเปลี่ยนแปลงระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นและระยะยาว ถ้าเส้น MACD ตัดกันไปในทิศทางขาขึ้น หรือขาลง อาจบ่งชี้ถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่
- Volume: ปริมาณการซื้อขายที่เกิดขึ้นสามารถช่วยยืนยันการเคลื่อนไหวของราคา ถ้าราคาทองคำเพิ่มขึ้นในขณะที่ปริมาณการซื้อขายสูงขึ้นก็แสดงว่าการเคลื่อนไหวนี้มีความแข็งแรง แต่ถ้าปริมาณการซื้อขายลดลงพร้อมกับการเคลื่อนไหวของราคา ก็อาจบ่งชี้ว่าการเคลื่อนไหวไม่ยั่งยืน
- รูปแบบกราฟ (Chart Patterns): การดูรูปแบบต่างๆ บนกราฟ เช่น Double Top, Double Bottom, Head and Shoulders หรือ Triangle สามารถช่วยให้เราเห็นทิศทางของราคาทองคำในอนาคต การตรวจจับรูปแบบเหล่านี้จะช่วยให้ทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น
- การใช้ Fibonacci Retracement: เครื่องมือที่ใช้หาจุดกลับตัวของราคา โดยวัดจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะยาวและระยะสั้น เพื่อลองหาจุดที่ราคาทองคำจะสามารถกลับตัวหรือหยุดพักได้ เมื่อราคาเคลื่อนไหวตามระดับที่กำหนด
- เส้นแนวโน้ม (Trend Lines): ใช้ในการระบุทิศทางของแนวโน้มราคาทองคำ โดยการลากเส้นเชื่อมระหว่างจุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดของราคาทองคำ เพื่อช่วยให้เห็นการเคลื่อนไหวในทิศทางที่ชัดเจน ทั้งในช่วงขาขึ้นและขาลง
- Candlestick Patterns: การใช้แท่งเทียนในการวิเคราะห์ราคาทองคำก็มีประโยชน์อย่างมาก เพราะแต่ละแท่งเทียนสามารถบอกข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของราคา เช่น Engulfing, Doji, หรือ Hammer ที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม
- Divergence: การดูความแตกต่างระหว่างราคาและเครื่องมือทางเทคนิค เช่น RSI หรือ MACD ที่บ่งชี้ถึงความไม่สมดุลของการเคลื่อนไหว อาจเป็นสัญญาณเตือนให้ระวังการกลับตัวของตลาด
ทองคำมีฤดูกาลไหม?
ปัจจัย | ช่วงเวลา | ผลกระทบต่อราคาทองคำ | ปริมาณการซื้อขาย | สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง |
ช่วงตรุษจีน | มกราคม-กุมภาพันธ์ | ราคาทองคำมักพุ่งขึ้น | ความต้องการสูงในจีนและอินเดีย | ชาวจีนและอินเดียมีประเพณีการซื้อทองคำในช่วงเทศกาลเพื่อเป็นของขวัญและการลงทุน |
Q4 | ตุลาคม-ธันวาคม | ราคาทองคำมีความผันผวน | การปรับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุน | นักลงทุนมักปรับพอร์ตการลงทุนในปลายปีเพื่อรับมือกับภาวะตลาดและผลประกอบการของปีที่ผ่านมา |
ฤดูฝนในอินเดีย | มิถุนายน-กันยายน | ราคาทองคำมักจะได้รับการสนับสนุน | ความต้องการเพิ่มขึ้น | ช่วงฤดูฝนทำให้ชาวอินเดียหันมาซื้อทองคำมากขึ้นเนื่องจากเป็นเวลาที่เศรษฐกิจชะลอตัว |
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย | ตลอดปี | มีผลกระทบต่อราคาทองคำทั้งปี | การซื้อขายในตลาดมีการปรับตามอัตราดอกเบี้ย | การปรับอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางมักจะส่งผลต่อการเลือกลงทุนในทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย |
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ | ทุกปี | ราคาทองคำสามารถพุ่งสูงขึ้นในช่วงความไม่แน่นอน | ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤต | ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจหรือการเมืองที่ไม่แน่นอน นักลงทุนมักหันมาซื้อทองคำเพื่อปกป้องมูลค่าของเงินทุน |
ทองคำ vs ดอลลาร์สหรัฐฯ: คู่ปรับตลอดกาล
การเคลื่อนไหวระหว่างทองคำและดอลลาร์สหรัฐฯ มักจะสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด นักเทรดในตลาดฟอเร็กซ์มักจับตาความสัมพันธ์นี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากราคาทองคำและดอลลาร์สหรัฐฯ มักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม ในช่วงที่ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า ราคาทองคำมักจะตกลง เพราะทองคำถูกซื้อขายในสกุลดอลลาร์ เมื่อดอลลาร์แข็งค่า ทองคำจะกลายเป็นสินค้าที่แพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ใช้สกุลเงินอื่น ซึ่งส่งผลให้ความต้องการลดลง ราคาทองคำจึงมักลดลงตามไปด้วย
ในทางกลับกัน เมื่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ราคาทองคำมักจะพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนหันมาซื้อเพื่อปกป้องมูลค่าของการลงทุนเมื่อสกุลเงินหลักอ่อนแอลง ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหรือการเงิน การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ มักจะส่งผลให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น และผลักดันให้ราคาทองคำขึ้นตามไปด้วย
ในมุมมองของการลงทุน นักลงทุนมักจะมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สามารถเก็บมูลค่าได้ในระยะยาว เมื่อเทียบกับการถือครองเงินสดหรือสกุลเงินที่เสี่ยงต่อการสูญเสียมูลค่า เช่น ดอลลาร์ที่อาจถูกกระทบจากการพิมพ์เงินมากเกินไปหรือการลดค่าเงินจากนโยบายการเงินที่หลวม ซึ่งสามารถทำให้ดอลลาร์สูญเสียมูลค่าได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดสถานการณ์เหล่านี้ นักลงทุนมักหันไปหาทองคำเพื่อปกป้องการลงทุน
นอกจากนั้น การเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐฯ ยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) การปรับอัตราดอกเบี้ย หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของดอลลาร์และทองคำ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างทองคำและดอลลาร์จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักเทรดใช้ในการตัดสินใจลงทุนในตลาดทองคำและฟอเร็กซ์
การแปลความหมายของการเคลื่อนไหวอย่างเฉียบพลัน
- การขึ้นดอกเบี้ยอย่างไม่คาดคิด: การตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางอาจทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวทันทีทันใด เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อสกุลเงินและสินทรัพย์อื่น ๆ
- สงครามปะทุ: การเกิดสงครามหรือความตึงเครียดระหว่างประเทศสามารถทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นทันที เนื่องจากทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เกิดวิกฤต
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่หรือดีเกินคาด: เมื่อสหรัฐฯ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงานหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ดีหรือแย่เกินคาด มักทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นหรือลงตามไปด้วย
- การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงิน: หากธนาคารกลางประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือการพิมพ์เงิน ราคาทองคำอาจมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเนื่องจากผลกระทบต่อค่าเงินและภาวะเงินเฟ้อ
- ข่าวการขาดแคลนทรัพยากร: เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขาดแคลนทรัพยากรที่สำคัญ เช่น น้ำมันหรือทองคำเอง อาจทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นทันทีทันใด เนื่องจากการกังวลเกี่ยวกับอุปทานและความต้องการที่สูงขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นของนักลงทุน: ข่าวสารหรือเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลก มักจะกระตุ้นการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในราคาทองคำ นักลงทุนอาจหันมาซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
- วิกฤตการเงินหรือการล้มละลายของสถาบันการเงินใหญ่: เมื่อเกิดวิกฤตการเงินหรือข่าวการล้มละลายของธนาคารใหญ่ นักลงทุนมักจะหันไปหาทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของสินทรัพย์อื่น ๆ ทำให้ราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
- การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้า: การประกาศนโยบายทางการค้าหรือการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ อาจส่งผลให้ทองคำมีการเคลื่อนไหวทันที เช่น การสงครามการค้าหรือการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การเก็บภาษี
กลยุทธ์การเทรดทองในฟอเร็กซ์
กลยุทธ์การเทรด | รายละเอียด | ข้อดี | ข้อเสีย | ตัวอย่าง |
Breakout Trading | รอให้ราคาทะลุแนวรับ/แนวต้านแล้วตามน้ำ | สามารถทำกำไรได้มากเมื่อราคาทะลุระดับสำคัญ | อาจเกิดการผิดพลาดจากการเทรดในช่วงที่มีการแกว่งตัว | เมื่อราคาทองคำทะลุแนวต้าน 1,800 USD/ounce ก็อาจทำการซื้อเข้าไปตามน้ำ |
Range Trading | เทรดในกรอบราคาที่ทองวิ่งไปมา | เหมาะสำหรับการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวเล็กน้อยในกรอบราคา | ต้องรอจังหวะที่ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบที่คงที่ | การซื้อทองเมื่อราคาลงถึงแนวรับ 1,750 USD และขายเมื่อราคาขึ้นถึงแนวต้าน 1,800 USD |
ข่าวเป็นตัวกำหนด (News-based) | เทรดตามเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ | ทำกำไรจากการตอบสนองของตลาดหลังข่าวสำคัญ | ต้องคอยติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อราคาอย่างใกล้ชิด | เทรดเมื่อมีข่าวที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แย่ลง ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้น |
ทองคำกับ Real Yield
การลงทุนในทองคำมักถูกกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยจริง หรือ Real Yield ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงหลังหักเงินเฟ้อ โดยนักลงทุนที่มีประสบการณ์มักจะให้ความสำคัญกับตัวเลขนี้ในการตัดสินใจลงทุน เนื่องจากมันสะท้อนถึงผลตอบแทนที่แท้จริงจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงทองคำ โดยทั่วไปแล้ว หาก Real Yield ต่ำ หมายความว่าอัตราดอกเบี้ยหลังหักเงินเฟ้อไม่สามารถทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากเงินฝากในธนาคาร หรือพันธบัตรที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดังนั้น ทองคำจึงดูน่าสนใจเป็นทางเลือกในการลงทุน เพราะมันไม่ต้องการดอกเบี้ยและมักจะรักษามูลค่าได้ดีในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำ
ในทางตรงกันข้าม หาก Real Yield สูง การลงทุนในทองคำอาจไม่ได้ดึงดูดนักลงทุนมากนัก เพราะการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ อย่างพันธบัตรหรือการฝากเงินในธนาคารจะมีผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากดอกเบี้ยที่ได้รับ ซึ่งสามารถเอามาชดเชยการลดลงของมูลค่าของเงินในอนาคตจากเงินเฟ้อ ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะหลีกเลี่ยงทองคำไปหาสินทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยดีกว่า ดังนั้น เมื่อ Real Yield สูง ทองคำมักจะไม่เป็นที่สนใจเท่าใดนัก
การวิเคราะห์ Real Yield และการเปลี่ยนแปลงของมันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าใจว่าเมื่อใดที่ทองคำจะกลายเป็นทางเลือกการลงทุนที่ดีที่สุด โดยปกติแล้วในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำและเงินเฟ้อสูง ราคาทองคำมักจะมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้น เพราะนักลงทุนต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการลดมูลค่าของเงินและมองหาที่หลบภัยที่มีความเสี่ยงต่ำ
ในกรณีที่ Real Yield กลับมาอยู่ในระดับที่สูงขึ้น นักลงทุนอาจจะเริ่มหันไปหาทรัพย์สินที่มีผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่ดีกว่า เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทองคำในกรณีนี้จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดึงดูดใจนักลงทุนอีกต่อไป เนื่องจากการลงทุนในทองคำจะไม่สามารถให้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยได้ ทำให้การถือทองคำในช่วงที่ Real Yield สูงอาจไม่คุ้มค่าเท่ากับการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าได้
ทองคำสัมพันธ์กับค่าเงินประเทศอื่นไหม?
- AUD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย): เนื่องจากออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการผลิตทองคำมากที่สุดในโลก ความเคลื่อนไหวของดอลลาร์ออสเตรเลียจึงมักมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำ หากราคาทองคำขึ้น ดอลลาร์ออสเตรเลียก็มีแนวโน้มจะอ่อนตัวลง และหากราคาทองคำลดลง ดอลลาร์ออสเตรเลียมักจะแข็งค่าขึ้น
- CHF (ฟรังก์สวิส): ฟรังก์สวิสมักถือเป็นหนึ่งในสกุลเงินปลอดภัย หรือ Safe Haven currencies ซึ่งมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหรือการเมือง หากนักลงทุนหันไปซื้อทองคำมากขึ้น ฟรังก์สวิสมักจะมีการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับทองคำ
- JPY (เยนญี่ปุ่น): เยนญี่ปุ่นมักจะมีการเคลื่อนไหวคล้ายกับทองคำในช่วงที่มีความเสี่ยงสูงหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดเงินไม่มั่นคงหรือเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ นักลงทุนมักจะหันไปถือทองคำและเยนญี่ปุ่นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- GBP (ปอนด์สเตอร์ลิง): แม้จะไม่สัมพันธ์กับทองคำอย่างชัดเจนเหมือนกับบางสกุลเงิน แต่ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหรือความตึงเครียดในตลาด การเคลื่อนไหวของปอนด์สเตอร์ลิงและทองคำมักจะมีแนวโน้มในทิศทางเดียวกัน เพราะนักลงทุนมักจะหันไปหาทองคำในช่วงเวลาที่ค่าเงินปอนด์อ่อนแอลง
- EUR (ยูโร): ยูโรอาจมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดความไม่มั่นคงทางการเงินในยุโรป หรือในช่วงที่สหภาพยุโรปมีวิกฤตเศรษฐกิจ นักลงทุนมักจะหันไปซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดมูลค่าของเงินยูโร